วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

1. ในการวางแผนองค์กรประกอบด้วยพื้นฐานอะไรบ้าง

ตอบ  การสร้างระบบสารสนเทศใหม่เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของกระบวนการวางแผนองค์การ โดยจะต้องมีการพัฒนาแผนระบบสารสนเทศให้สนับสนุนกับแผนรวมขององค์การทั้งหมด  ซึ่งองค์กรควรจะมีแผนกลยุทธ์ขององค์กรก่อนเพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำหนดแผนกลยุทธ์ด้านระบบสารสนเทศให้รองรับกับแผนกลยุทธ์ขององค์การ จากนั้นจึงกำหนดแผนปฏิบัติการและโครงสร้างด้านสารสนเทศเพื่อนำมาใช้ในองค์การต่อไป
โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ความหมายครอบคลุมทั้งทางด้านเทคนิค และทางด้านการบริหาร
   ซึ่งในด้านเทคนิคหมายความรวมถึง ฮาร์ดแวร์, ซอร์ฟแวร์, เครือข่าย, และฐานข้อมูล
   ส่วนด้านการจัดการ คือ การดำเนินงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านคอมพิวเตอร์ (เช่นศูนย์คอมพิวเตอร์) บทบาทหน้าที่ของผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง การตัดสินใจเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ เป็นต้น

2.  การวางแผนกลยุธิ์มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งใด

ตอบ  1. การวางแผนกลยุทธ์เป็นรูปแบบการวางแผนที่ช่วยให้หน่วยงานพัฒนาตนเองได้ทันกับสภาพการ เปลี ่ยนแปลงได้อย่างเหมาะสม เพราะการวางแผนกลยุทธ์ให้ความสำคัฐกับการศึกษาวิเคราะห์บริบทและ สภาพแวดล้อมภายนอกหน่วยงานเป็นประเด็นสำคัญ
2. การวางแผนกลยุทธ์ เป็นรูปแบบการวางแผนที่ช่วยให้หน่วยงานภาครัฐในทุกระดับ มีความเป็นตัวเองมาก ขึ้น รับผิดชอบต่อความสำเร็จและความล้มเหลวของตนเองมากขึ้น ทั้งนี้ เพราะการวางแผนกลยุทธ์เป็นการวางแผน ขององค์การ โดยองค์การและเพื่อองค์การไม่ใช่เเป็นการวางแผนที่ต้องกระทำตามที่หน่วยเหนือสั่งการ
3. การวางแผนกลยุทธ์ เป็นรูปแบบการวางแผนที่สอดรับกับการกระจายอำนาจ ซึ่งเป็นกระแสหลักในการ บริหารภาครัฐในปัจจุบัน และสอดคล้องกับที ่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ได้เตรียมออกระเบียบ กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐทุกระดับมีการจัดทำแผนกลยุทธ์ใช้เป็นเครื่องมือ ในการพัฒนางานสู่มิติใหม่ของการปฏิรูป ระบบราชการ
            4. การวางแผนกลยุทธ์ เป็นเงื่อนไขหนึ่งของการจัดทำระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน (Performance Base Budgeting) ซึ่งสำนักงบประมาณกำหนดให้ส่วนราชการและหน่วยงานในสังกัด จัดทำก่อนที ่จะกระจายอำนาจ ด้านงบประมาณโดยการจัดสรรงบประมาณเป็นเงินก้อนลงไปให้หน่วยงาน
           5. การวางแผนกลยุทธ์ เป็นการวางแผนที่ให้ความสำคัญต่อการกำหนด “กลยุทธ์” ที่ได้มาจากการคิด วิเคราะห์แบบใหม่ ๆ ที่ไม่ผูกติดอยู่กับปัญหาเก่าในอดีตไม่เอาข้อจำกัดทางด้านทรัพยากร และงบประมาณมาเป็น ข้ออ้าง ดังนั้น การวางแผนกลยุทธ์จึงเป็นการวางแผนแบบท้าทายความสามารถ เป็นรูปแบบการวางแผนที่ช่วยให้เกิด การริเริ่มสร้างสรรค์ทางเลือกใหม่ ได้ด้วยตนเอง จึงเป็นการวางแผนพัฒนาที่ยั่งยืน

3.  จงสรุปขั้นตอนการวางแผนระบบสารสนเทศมาให้พอเข้าใจ

ตอบ  ขั้นตอนในการพัฒนาระบบสารสนเทศ มีดังนี้
 1. ขั้นการสำรวจ (Survey)
     เป็นงานขั้นแรกที่กระทำ โดยนักวิเคราะห์จะสอบถามผู้บริหาร ซึ่งเป็นผู้ใช้งาน MIS ถึงความต้อง
     การต่างๆ ปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้เสนอแนะวิธีที่เป็นไปได้ในการแก้ปัญหา บางครั้งเรียกว่า การ
     ศึกษาความเป็นไปได้ "Feasibility Study"
 2. การวิเคราะห์โครงสร้าง (Structured Analysis)
     เป็นขั้นตอนที่นำผลการศึกษาถึงความเป็นไปได้ รวมทั้งการสอบถามเพิ่มเติมจากผู้ใช้  MIS  
     เพื่อนำมาประเมินเกี่ยวกับงบประมาณและระยะเวลาในการออกแบบและใช้งาน MIS เอกสาร
     จากการวิเคราะห์โครงสร้างมักอยู่ในรูปของกราฟ หรือ รูปภาพแสดงขั้นตอนต่างๆ
 3. การออกแบบโครงสร้าง (Structured Design)
     เป็นการพิจารณาจำนวนโปรแกรมที่จะใช้ภายในระบบ แต่ละโปรแกรมจะทำงานเป็นอิสระอยู่ใน
     ลักษณะโมดูลโปรแกรม (Program Module)
 4. การศึกษาถึงฮาร์ดแวร์ (Hardware Study)
     การศึกษาถึงฮาร์ดแวร์ที่จะใช้ในระบบ MIS เป็นงานสองขั้นตอนที่สามารถดำเนินไปพร้อมๆ กัน
 5. ขั้นตอนการจัดเตรียมอุปกรณ์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Implementation)
     เป็นขั้นตอนที่เปลี่ยนการทำงานจากระบบเดิมไปสู่ระบบใหม่ ถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ซึ่งมี
     ผู้บริหารงานจะต้องวิเคราะห์ความเหมาะสมว่าจะเปลี่ยนแปลงโดยวิธีใด
 6. ขั้นเปลี่ยนไปใช้คอมพิวเตอร์ (Conversion)
     เมื่อผ่านขั้นตอนการจัดเตรียมอุปกรณ์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์แล้ว นำข้อมูลหรือโปรแกรม
     ต่างๆ ลงเครื่องคอมพิวเตอร์  ซึ่งจะนำไปใช้งานต่อไป
 7. การศึกษาปัญหาหลังการใช้ MIS และการบำรุงรักษา (Post Implementation and 
     Maintenance)
      เป็นขั้นตอนการประเมินผลการใช้งานระบบใหม่ โดยนำไปเปรียบเทียบกับผลที่ได้จากการวิเคราะห์และการ
      สำรวจ ว่ามีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด แล้วทำการปรับระบบหรือเปลี่ยนระบบให้เหมาะสม


4. วงจรพัฒนาระบบ SDLC มีกี่ขั้นตอนอะไรบ้างจงอธิบาย

ตอบ  วงจรการพัฒนาระบบ
วงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle : SDLC) คือ กระบวนการทาง
ความคิด (Logical Process) ในการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อแก้ปัญหาทางธุรกิจและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ โดยระบบที่จะพัฒนานั้น อาจเริ่มด้วยการพัฒนาระบบใหม่เลยหรือนำระบบเดิมที่มีอยู่แล้วมาปรับเปลี่ยนให้ดียิ่งขึ้น ภายในวงจรนี้จะแบ่งกระบวนการพัฒนาออกเป็นระยะ (Phases) ได้แก่ ระยะการวางแผน (Planning Phase) ระยะการวิเคราะห์ (Analysis Phase) ระยะการออกแบบ (Design Phase) และระยะการสร้างและพัฒนา (Implementation Phase) โดยแต่ละระยะจะประกอบไปด้วยขั้นตอน (Steps) ต่างๆ แตกต่างกันไปตาม Methodology ที่นักวิเคราะห์นำมาใช้ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานะทางการเงินและความพร้อมขององค์กรในขณะนั้น
ขั้นตอนในวงจรพัฒนาระบบ ช่วยให้นักวิเคราะห์ระบบสามารถดำเนินการได้อย่างมีแนวทางและเป็นขั้นตอน ทำให้สามารถควบคุมระยะเวลาและงบประมาณในการปฏิบัติงานของโครงการพัฒนาระบบได้ ขั้นตอนต่างๆ นั้นมีลักษณะคล้ายกับการตัดสินใจแก้ปัญหาตามแนวทางวิทยาศาสตร์(Scientific Management) อันได้แก่ การค้นหาปัญหา การค้นหาแนวทางแก้ไขปัญหา การประเมินผลแนวทางแก้ไขปัญหาที่ค้นพบ เลือกแนวทางที่ดีที่สุด และพัฒนาทางเลือกนั้นให้ใช้งานได้ สำหรับวงจรการพัฒนาระบบในหนังสือเล่มนี้ จะแบ่งเป็น 7 ขั้นตอน ได้แก่
     1.  ค้นหาและเลือกสรรโครงการ (Project Identification and Selection)
     2.  จัดตั้งและวางแผนโครงการ (Project Initiating and Planning)
     3.  วิเคราะห์ระบบ (Analysis)
     4.  ออกแบบเชิงตรรกะ (Logical Design)
     5.  ออกแบบเชิงกายภาพ (Physical Design)
     6.  พัฒนาและติดตั้งระบบ (System Implement)
     7.  ซ่อมบำรุงระบบ (System Maintenance)


5. จริยธรรมหมายถึง

ตอบ   คำว่าจริยธรรมมีความหมายใกล้เคียงกับคำว่าจริยศาสตร์ นอกจากนี้ ยังมีคำที่มีความหมายใกล้เคียงกันอีกหลายคำ บางครั้งก็มีการนำมาใช้แทนกัน ซึ่งให้ความหมายทั้งที่เหมือนกันและแตกต่างกัน ดังนั้น การทำความเข้าใจความหมายและขอบข่ายของจริยธรรมกับศัพท์เกี่ยวข้องในหลายมุมมอง ทำให้ทราบถึงทรรศนะมุมมองของผู้รู้ต่าง ๆ ที่พยายามศึกษาแนวคิดจริยธรรมในด้านที่แตกต่างกันออกไป
โดยทั่วไปเมื่อกล่าวถึงคำว่าจริยธรรม ผู้ฟังหรือผู้อ่านมักจะพิจารณาอยู่ในกรอบคิดเกี่ยวกับศาสนา ทั้งนี้ เพราะคำสอนทางศาสนามีส่วนสร้างระบบจริยธรรมให้สังคม ดังคำกล่าวของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่ว่า “จริยธรรมของสังคมไทยขึ้นอยู่กับระบบศีลธรรมของพุทธศาสนาว่า กำหนดหลักในการปฏิบัติในชีวิตประจำไว้อย่างไร หลักจริยธรรมก็จะกำหนดให้ปฏิบัติตามนั้น”
ทั้งนี้ จริยธรรมมาจากคำว่า จริย กับ ธรรมะ จริย หมายถึง ความประพฤติ กิริยาที่ควรประพฤติ ธรรมะหมายถึง คุณความดี คำสั่งสอนในศาสนา หลักประพฤติปฏิบัติในศาสนา ความจริง ความยุติธรรม ความถูกต้อง กฎเกณฑ์ กฎหมาย สิ่งของทั้งหลาย เมื่อพิจารณาตามรูปคำจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้คำนิยามว่า “จริยธรรม” คือ ธรรมที่เป็น ข้อประพฤติปฏิบัติ ศีลธรรม กฎศีลธรรม
จากความหมายดังกล่าวหากมีการจัดระดับจริยธรรม สาโรช บัวศรี ได้ให้ความเห็นว่า จริยธรรมมีหลายระดับ ซึ่งสามารถจำแนกตามระดับกว้าง ๆ ได้ ๒ ระดับ ได้แก่ ระดับของผู้ครองเรือน คือ โลกีย์ธรรม กับ ระดับของผู้ที่สละบ้านเรือนแล้ว คือ โลกุตตรธรรม
ในความหมายที่เฉพาะเจาะจงนั้น ศาสตราจารย์ ดร. สุชาติ ประสิทธิ์รัฐสินธุ์ เห็นว่า จริยธรรม หมายถึง ความถูกต้องดีงาม สังคมทุกสังคมจะกำหนดกฎเกณฑ์กติกา บรรทัดฐานของตนเองว่า อะไรเป็นสิ่งที่ดีงาม และอะไรคือความถูกต้อง โดยทั่วไปมิได้มีการเขียนเป็นกฎข้อบังคับให้สมาชิกทุกคนต้องยึดถือปฏิบัติตาม ซึ่งหากมีการละเมิดจะถูกลงโทษโดยสังคมในขณะเดียวกัน
ส่วนศาสตราจารย์เกียรติคุณแสง จันทร์งาม เห็นว่า จริยธรรมกับค่านิยมมีความหมายแตกต่างกันเฉพาะในทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติยากที่จะชี้ให้เห็นความแตกต่างกันอย่างชัดเจน กล่าวคือ
  • จริยธรรม หมายถึง คุณสมบัติทางความประพฤติ ที่สังคมมุ่งหวังให้คนในสังคมนั้นประพฤติ มีความถูกต้องในความประพฤติ มีเสรีภาพภายในขอบเขตของมโนธรรม (Conscience) เป็นหน้าที่ที่สมาชิกในสังคมพึงประพฤติปฏิบัติต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อสังคม ทั้งนี้เพื่อก่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองขึ้นในสังคม การที่จะปฏิบัติให้เป็นไปเช่นนั้นได้ ผู้ปฏิบัติจะต้องรู้ว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด
  • ค่านิยม หมายถึง ความโน้มเอียง หรือแนวทางที่คนจะประพฤติตนไปในแนวทางใดแนวทางหนึ่งที่ตัวเองได้พิจารณาไตร่ตรองแล้วว่า เป็นสิ่งที่ดีสำหรับตนหรือสังคมยอมรับนับถือและปฏิบัติตามแนวคิดนั้น ๆ อย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยก็ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ค่านิยมมีความหมายถึงแนวคิดเกี่ยวกับความดีงามในความประพฤติ โดยผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลที่จะเกิดขึ้นจากความประพฤตินั้น ๆ ถ้าหากเป็นเพียงเจตคติ (Attitude) ความเชื่อ (Belief) ยังไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นค่านิยมจนกว่าจะได้พิจารณาถึงผลที่จะตามมาจากความประพฤติหรือการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบและมีการปฏิบัติตามอย่างสม่ำเสมอ

6.  ประโยชน์ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศแบ่งออกเป็นกี่ประเภทอะไรบ้าง

ตอบ   R.O. Mason และคณะ (2001) ได้จำแนกประเด็นเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศเป็น ประเภท คือ
                1.) ประเด็นความเป็นส่วนตัว (Privacy)
                2.) ประเด็นความถูกต้องแม่นยำ (Accuracy)
                3.) ประเด็นของความเป็นเจ้าของ (Property)
                4.) ประเด็นของความเข้าถึงได้ของข้อมูล (Accessibility)


7. อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ คืออะไรและจะมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างไรบ้างจงอธิบาย

ตอบ  ปัจจุบัน อาชญากรรมคอมพิวเตอร์มีความก้าวหน้าและพัฒนาไปมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบอินเตอร์เน็ต ทำให้อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ระบาดไปทั่วโลก ซึ่งบางครั้งทำให้เกิดความเสียหายด้านทรัพย์สินเงินทองจำนวนมหาศาล
สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ อาจจะเป็นไปได้ทั้ง
1.เครื่องคอมพิวเตอร์ในฐานะเป็นเครื่องประกอบอาชญากรรม
    คือ ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และทำลายระบบคอมพิวเตอร์
2. เครื่องคอมพิวเตอร์ในฐานะเป้าหมายของอาชญากรรม
       2.1 การเข้าถึงและการใช้คอมพิวเตอร์ที่ไม่ถูกกฎหมาย
                     ซึ่งมีทั้ง Hacker และ Criminal Hacker (Cracker)
     2.2 การเปลี่ยนแปลงและทำลายข้อมูล     โดย
                                R virus : เป็นโปรแกรมที่ต้องทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่น
                                R worms : เป็นโปรแกรมอิสระที่สามารถจำลองโปรแกรมเองได้
     2.3 การขโมยข้อมูลข่าวสารและเครื่องมือ
        2.4 การสแกมทางคอมพิวเตอร์ (Computer-related Scams)
การรักษาความปลอดภัย
การรักษาความปลอดภัยให้ระบบสารสนเทศมีความปลอดภัย และยังช่วยลดข้อผิดพลาด การทำลายระบบสารสนเทศ มีระบบการควบคุมที่สำคัญ ประการ คือ
 การควบคุมระบบสารสนเทศ
      - การควบคุมอินพุท
      - การควบคุมการประมวลผล
      - การควบคุมฮาร์ดแวร์
      - การควบคุมซอร์ฟแวร์
      การควบคุมเอาท์พุท
  การควบคุมกระบวนการทำงาน
      - การมีการทำงานที่เป็นมาตรฐานและคู่มือ
      - การอนุมัติเพื่อพัฒนาระบบ
      - การมีแผนการป้องกันการเสียหาย
      - การตรวจสอบระบบสารสนเทศ
การควบคุมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
      - ความปลอดภัยทางเครือข่าย (Network Security)
      - การแปลงรหัส (Encryption)
      - กำแพงกันไฟ (Fire Walls)
      - การป้องกันทางกายภาพ (Physical Protection Controls)
      - การควบคุมด้านชีวภาพ (Biometric Control)
      - การควบคุมความล้มเหลวของระบบ



 

วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

                                                                        แบบฝึกหัด

1. ให้นักศึกษาหาความหมายของ E-commerce คืออะไร

ตอบ  E-Commerce หรือ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การดำเนินธุรกิจโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่องค์กรได้วางไว้ เช่น การซื้อขายสินค้าและบริการ การโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ โทรทัศน์ วิทยุ หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพื่มประสิทธิภาพขององค์กร โดยการลดบทบาทองค์ประกอบทางธุรกิจลง เช่น ทำเลที่ตั้ง อาคารประกอบการ โกดังเก็บสินค้า ห้องแสดงสินค้า รวมถึงพนักงานขาย พนักงานแนะนำสินค้า พนักงานต้อนรับลูกค้า เป็นต้น จึงลดข้อจำกัดของระยะทาง และเวลาลงได้ 

E-Commerce ช่วยอำนวยความสะดวกให้นักธุรกิจได้หลายด้าน ดังนี้
1.ทำงานแทนพนักงานขายได้ โดยสามารถทำการค้าแบบอัตโนมัติ ได้อย่างรวดเร็ว
2.ทำให้เปิดหน้าร้านขายของ ให้คนทั่วโลกได้ และเปิดขายได้ทุกวันโดยไม่มีวันหยุดตลอด 24 ชั่วโมง เช่น การขายโดยใช้ระบบ Shopping Cart ทำให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าได้เองตลอดเวลาผ่านเว็บไซต์
3.เก็บเงิน และนำฝาก เข้าบัญชีให้คุณได้โดยอัตโนมัติ
4.ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย ในการจัดพิมพ์แคตาล็อก (กระดาษ) ออกมาเป็นเล่ม ๆ และไม่ต้องมาเสียเงิน และเวลาในการจัดส่งให้ลูกค้าทางไปรษณีย์อีก
5.แทนได้ทั้งหน้าร้าน (Showroom) หรือบูท (Booth) แสดงสินค้าของคุณที่มีคนทั่วโลกมองเห็น ไม่ต้องเสียค่าเครื่องบิน ไปออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ
6.แทน และเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารธุรกิจ ภายในของเราได้อีกมากมาย 

ประเภทของ E-Commerce
1.การทำการค้าระหว่าง Customer (ผู้บริโภคหรือผู้ซื้อ) กับ Business (ผู้ทำการค้า) เช่น ลูกค้าต้องการซื้อหนังสือกับร้านค้า
2.การทำการค้าระหว่าง Business (ผู้ทำการค้า)  กับ Business ( ผู้ทำการค้า) เช่น ร้านขายหนังสือค้าต้องการสั่งซื้อหนังสือจากโรงพิมพ์
3.การทำการค้าระหว่าง Business ( ผู้ทำการค้า)  กับ Customer (ผู้บริโภคหรือผู้ซื้อ) เช่น โรงพิมพ์ต้องการซื้อต้นฉบับจากผู้เขียน4. การทำการค้าระหว่าง Customer (ผู้บริโภคหรือผู้ซื้อ)  กับ Customer (ผู้บริโภคหรือผู้ซื้อ) ด้วยกันเช่น ผู้บริโภคต้องการขายรถยนต์ของต้นเองให้กับผู้บริโภคท่านที่สนใจ 

2. จงหาประเภทของ E-commerce มีกี่ประเภทอะไรบ้าง

ตอบ  ประเภทที่ 1 ธุรกิจกับผู้ซื้อปลีก 

             ประเภทที่ 2 ธุรกิจกับธุรกิจ
             ประเภทที่ 3 ธุรกิจกับรัฐบาล
             ประเภทที่ 4 รัฐบาลกับรัฐบาล
             ประเภทที่ 5 ผู้บริโภคกับผู้บริโภค
3. ประโยน์และข้อจำกัดของ E- commerce มีอะไรบ้างจงอธิบาย

ตอบ  ประโยชน์ของ E- commerce


สรุปจากที่ผ่านมานั้นจะพบว่าจะมีข้อที่เป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้ผลิตอยู่ ประเด็นคือ
• ประหยัดค่าใช้จ่าย ลดค่าใช้จ่ายบุคลากรบางส่วน ลดขั้นตอนการประกอบธุรกิจ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อแบบเดิมๆ
• ไม่มีข้อจำกัดด้านสถานที่ สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลก (หมายความว่าต้องสร้างเว็บไซต์ให้มีข้อมูลเป็นภาษาสากลหรือภาษาที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราใช้มากๆ เช่นภาษาจีน ญี่ปุ่น เป็นต้น)
• ไม่มีข้อจำกัด้านเวลา สามารถทำการค้าได้ 24 ชั่วโมง วัน ผ่านระบบอัตโนมัติ
ประโยชน์ของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบ่งออกเป็น 3 ด้าน ดังนี้

ประโยชน์สำหรับผู้ซื้อ/ผู้บริโภค 
 หาข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบเรื่องราคา คุณภาพสินค้าและข้อมูลอื่นๆเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อ
• อินเทอร์เน็ตมีประโยชน์มากในเรื่องนี้ สามารถเข้าไปในเว็บบอร์ดต่างในการหาข้อมูลได้ง่าย
• มีร้านค้าให้เลือกมากขึ้น
• เพียงแค่พิมพ์คีย์เวิร์ดลงในเครื่องมือค้นหาก็มีสินค้าออกมาให้เลือกมากมาย
• ได้รับสินค้าอย่างรวดเร็ว ในกรณีที่ซื้อสินค้าที่จับต้องไม่ได้ เพราะสามารถได้รับสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้เลย
• สินค้าบางอย่างสามารถลดพ่อค้าคนกลางได้ ทำให้ได้ราคาที่ถูกลง คงไม่ใช่กับทุกสินค้าหรือทุกผู้ผลิตที่มีความต้องการมาทำการขายเอง อาจจะได้กับสินค้าบางชนิด
ประโยชน์สำหรับผู้ผลิตและผู้ขาย
• ลดความผิดพลาดในการสื่อสาร
จากเดิมที่ในการค้าต้องส่งแฟกซ์ หรือบางทีบอกจดทางโทรศัพท์ รับใบคำสั่งซื้อแล้วมาคีย์เข้าระบบ ถ้าสามารถทำการติดต่อกันผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ส่งข้อมูลกันได้เลยจะช่วยลดความผิดพลาดในส่วนนี้ไปได้
• ลดเวลาในการผลิต
นำเอาเทคโนโลยีมาช่วยในการคำนวณเรื่องความต้องการวัตถุดิบ การทำคำสั่งซื้อวัตถุดิบ
• เพิ่มประสิทธิภาพในระบบสำนักงานส่วนหลัง
• เปิดตลาดใหม่ หาคู่ค้า ซัพพลายเออร์รายใหม่
• เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลัง
• เพิ่มความสัมพันธ์กับคู่ค้าให้ดีขึ้น
• 
สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเว็บไซต์ของบริษัท โดยการสร้างข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้า การให้บริการหลังการขายให้คำปรึกษาเรื่องผลิตภัณฑ์ หรือการแก้ไขเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว
ประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกา
*เข้าถึงลูกค้าทั่วโลก *เพิ่มยอดขาย *ลดต้นทุน *บนอินเทอร์เน็ตผู้ประกอบการรายย่อยมีโอกาสในการแข่งขันเท่าเทียมกับผู้ประกอบการรายใหญ่ *ลดภาระสินค้าคงคลัง *ให้บริการและทำการตลาดต่อลูกค้ารายบุคคลได้ *สถานที่ตั้งของบริษัทไม่เป็นข้อจำกัดในการดำเนินกิจการ *เพิ่มประสิทธิภาพในการขายและการทำงานภายในสำนักงานโดยนำระบบสำนักงานอัตโนมัติ(Office Automation) มาใช้

ประโยชน์สำหรับผู้ผลิต
*เพิ่มช่องทางในการจัดจำหน่ายมากขึ้น *เพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้า *ลดค่าใช้จ่ายและความผิดพลาดในเรื่องข้อมูลการซื้อขาย *เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต *ลดภาระสินค้าคงคลัง
 
ข้อจำกัดของ  E- commerce
ความไม่ปลอดภัยของข้อมูล ขาดการตรวจสอบการใช้บัตรเครดิตบน Internet ข้อมูลบนบัตรเครดิตอาจถูกดักฟังหรืออ่าน เพื่อเอาชื่อและหมายเลขบัตรเครดิตไปใช้โดยที่เจ้าของบัตรเครดิตไม่รู้ได้ การส่งข้อมูลจึงต้องมรการพัฒนาวิธีการเข้ารหัสที่ซับซ้อนหลายขั้นตอน เพื่อให้ข้อมูลของลูกค้าได้รับความปลอดภัยสูงสุด ประเทศไทยยังไม่มีธนาคารพาณิชย์ที่จะทำหน้าที่รับประกันความเสี่ยง สำหรับการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ในปัจจุบันการชำระเงินยังต้องผ่านธนาคารที่เป็นของต่างประเทศ
ปัญหาความยากจน ความด้อยโอกาสและขาดความรู้ทางเทคโนโลยี วมทั้งขาดเครือข่ายการสื่อสาร เช่น ระบบเคเบิล ระบบโทรศัพท์ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ไม่สามารถให้บริการได้อย่างทั่วถึง จึงทำให้ชนบทที่ห่างไกลไม่สามารถเข้าถึงและใช้บริการ Internet ได้ E-Commerce ยังมีประเด็นเชิงนโยบายที่ทำให้รัฐบาลต้องเข้ามากำหนดมาตรการ เพื่อให้ความคุ้มครองกับผู้ซื้อและผู้ขาย ขณะเดียวกันมาตรการมนเรื่องระเบียบที่จะกำหนดขึ้นต้องไม่ขัดขวางการพัฒนาเทคโนโลยี ผู้ซื้อไม่มั่นใจเรื่องการเก็บรักษาความลับทางธุรกิจ ข้อมูลส่วนบุคคลเช่น ไม่มั่นใจว่าจะมีผู้นำหมายเลขบัตรเครดิตไปใช้ประโยชน์ในทางที่มิชอบหรือไม่ ผู้ขายไม่มั่นใจว่าลูกค้ามีตัวตนอยู่จริง จะเป็นบุคคลเดี่ยวกับที่แจ้งสั่งซื้อสินค้าหรือไม่ มีความสามารถในการที่จะจ่ายสินค้าและบริการหรือไม่ และไม่มั่นใจว่าการทำสัญญาซื้อขายผ่านระบบ Internet จะมีผลถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ด้านรัฐบาล ในกรณีที่ผู้ซื้อและผู้ขายอยู่คนละประเทศกันจะใช้กฎหมายของประเทศใดเป็นหลัก หากมีการกระทำผิดกฎหมายในการการกระทำการซื้อขายลักษณะนี้ ความยากลำบากในการติดตามการซื้อขายทาง Internet อาจทำให้รัฐบาลประสบปัญหาในการเรียกเก็บภาษีเงินได้และภาษีศุลกากร การที่ E-Commerce ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ พฤติกรรมของผู้บริโภค และการปฏิบัติงานของภาครัฐบาล ทำให้รัฐบาลอาจเข้ามากำหนดมาตรการเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและผู้ขายที่ใช้บริการ E-Commerce รวมทั้งให้ความสนใจในการพัฒนาบุคลากร การพัฒนาปัจจัยที่จะเพิ่มความสะดวกทางด้านโทรคมนาคมสื่อสาร ข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์สามารถทำสำเนาหรือดัดแปลงหรือสร้างขึ้นใหม่ได้ง่ายกว่าเอกสารที่เป็นกระดาษ จึงต้องจัดการระบบการรักษาความปลอดภัยในการอ้างสิทธิให้ดีพอ

ด้านรัฐบาล ในกรณีที่ผู้ซื้อและผู้ขายอยู่คนละประเทศกันจะใช้กฎหมายของประเทศใดเป็นหลัก หากมีการกระทำผิดกฎหมายในการการกระทำการซื้อขายลักษณะนี้ ความยากลำบากในการติดตามการซื้อขายทาง Internet อาจทำให้รัฐบาลประสบปัญหาในการเรียกเก็บภาษีเงินได้และภาษีศุลกากร การที่ E-Commerce ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ พฤติกรรมของผู้บริโภค และการปฏิบัติงานของภาครัฐบาล ทำให้รัฐบาลอาจเข้ามากำหนดมาตรการเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและผู้ขายที่ใช้บริการ E-Commerce รวมทั้งให้ความสนใจในการพัฒนาบุคลากร การพัฒนาปัจจัยที่จะเพิ่มความสะดวกทางด้านโทรคมนาคมสื่อสาร
ข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์สามารถทำสำเนาหรือดัดแปลงหรือสร้างขึ้นใหม่ได้ง่ายกว่าเอกสารที่เป็นกระดาษ จึงต้องจัดการระบบการรักษาความปลอดภัยในการอ้างสิทธิให้ดีพอ
E-Commerce ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับการจัดการทางธุรกิจที่ดีด้วย การนำระบบนี้มาใช้จึงไม่สมควรทำตามกระแสนิยม เพราะถ้าลงทุนไปแล้วไม่สามารถให้บริการที่ดีกับลูกค้าได้ ย่อมเกิดผลเสียต่อบริษัท
ปัญหาที่เกิดกับงานด้านกฎหมายและลายเซ็น ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะที่จะกำกับดูแลการทำนิติกรรม การทำการซื้อขายผ่านทางการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
E-Commerce ม่ได้เป็นเพียงเรื่องของเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับการจัดการทางธุรกิจที่ดีด้วย การนำระบบนี้มาใช้จึงไม่สมควรทำตามกระแสนิยม เพราะถ้าลงทุนไปแล้วไม่สามารถให้บริการที่ดีกับลูกค้าได้ ย่อมเกิดผลเสียต่อบริษัท ปัญหาที่เกิดกับงานด้านกฎหมายและลายเซ็น ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะที่จะกำกับดูแลการทำนิติกรรม การทำการซื้อขายผ่านทางการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

แนวทางแก้ไข

รัฐต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการพัฒนาคุณภาพและบริการอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งกำหนดราคาที่เหมาะสม เพื่อให้ทุกคนเข้าถึง E-Commerce ได้อย่างเท่าเทียม และใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง อีกทั้งควรมีการประชาสัมพันธ์ควบคู่ไปด้วย รัฐและเอกชนจะต้องร่วมมืออย่างใก้ลชิดและเร่งด่วนเพื่อพัฒนาและเสริมสร้างความแข็งแกร่ง รวมถึงสมรรถนะด้านการแข่งขันให้แก่สถาบัน องค์กรที่เกี่ยวข้องกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น การนำระบบ EDI เข้ามาใช้ เปิดเสรีบริการโทรคมนาคม ด้วยการยกเลิกการผูกขาดทางโทรคมนาคมอย่างเร็วที่สุด การเปิดการแข่งขันอย่างเสรีจะทำให้ผู้ใช้บริการไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป รัฐต้องมีการวางแผนระยะยาวเกี่ยวกับการใช้ระบบ E-Commerce ทั้งในเรื่องของการออกกฎหมายตามหลักสากลและกฎหมายข้างเคียง เช่น เรื่องภาษี สนับสนุนหรือเป็นตัวแทนดูแลการใช้มาตรฐานต่างๆ หน่วยงานที่เป็นCertification Authority (CA) ที่ทำการรับรอง Digital Signature รัฐจะต้องหาแนวร่วมและพันธมิตรทางด้านยุทธศาสตร์ในการเจรจาระหว่างประเทศ เพื่อให้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มีกติกาสากลที่เป็นธรรมแก่ทุกประเทศ



4.เทคโนโลยี EDI มีความสำคัญ E-commerce อย่างไร

ตอบ  ในส่วนของการค้านั้นอินเตอร์เน็ตมีบทบาทเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่อง พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce) เรียกย่อๆว่า “E-Commerce หรือธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ (E-Business) หรือบางครั้งก็มีผู้เรียกกันง่ายๆว่า ธุรกิจดอทคอม” ในความเป็นจริงการดำเนินธุรกิจการค้าที่มีการซื้อขายและการบริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของระบบอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์ และโทรสาร หรือการค้าขายโดยแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า EDI (Electronic Data Interchange) ถือว่าเป็นพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งสิ้น การที่มีเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้า ทั้งยังสามารถดำเนินการได้ตลอด 24ชั่งโมง โดยไม่ว่าคุณจะอยู่ที่มุมไหนในโลกก็สามารถซื้อสินค้านั้นๆได้ E-Commerce เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตกับการจำหน่ายสินค้าและบริการ


5. จงยกตัวอย่างเว็บไซต์ที่ดำเนินธรุกิจในรูปแบบ B2B,B2C,C2C,B2G มาอย่างละ 2 ตัวอย่าง

ตอบ 1. พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทธุรกิจกับธุรกิจ (Business-to-Business หรือ B2B) หมายถึง การซื้อขายระหว่างผู้ผลิตด้วยกัน เช่น ผู้ผลิตรถยนต์สั่งซื้อวัตถุดิบจากโรงงานที่เป็น Supplierหรือ ร้านค้าปลีกสั่งซื้อสินค้ากับบริษัทผู้ผลิตสินค้า เมื่อสต็อกสินค้าลดลงถึงระดับหนึ่ง ผ่านระบบ EDI  โดยส่วนใหญ่ผู้ซื้อและผู้ขายมักจะรู้จักกันล่วงหน้า และอาจทำเอกสารสัญญาที่เป็นกระดาษกันล่วงหน้า ดังนั้นความเสี่ยงที่เกิดจากการซื้อขายจะต่ำ
ตัวอย่างเว็บไซต์ Business-to-Business  (B2B)
TESCO LOTUS เป็นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภค แบบปลีกให้กับผู้บริโภค
www.boeing.com

2. พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทธุรกิจกับบริโภค(Business-to-Consumer หรือ B2C) หมายถึง การที่ธุรกิจขายสินค้าหรือบริการโดยตรงให้กับผู้บริโภค ช่องทางนี้เป็นช่องทางที่ผู้ผลิตขนาดกลางและขนาดเล็กสามารถฉกฉวยเป็นโอกาสในการต่อสู้กับบริษัทขนาดใหญ่ได้
ตัวอย่างเว็บไซต์ Business-to-Consumer  (B2C)
 http://www.amazon.com/  






6. วิธีการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ประกอบด้วยอะไรบ้างและท่านเคยใช้หรือไม่อย่างไร
ตอบ   ระบบการชำระเงินหมายถึงกระบวนการส่งมอบหรือโอนสื่อการชำระเงินเพื่อชำระราคา โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ส่วน คือ
(1) องค์กรและบุคคล หมายถึง ผู้จ่ายเงิน ผู้รับเงิน และองค์กรที่เป็นตัวกลางใน การชำระเงิน เช่น ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงิน เป็นต้น
(2) กระบวนการดำเนินการภายใต้กฎหมาย ระเบียบ ข้อตกลง กฎเกณฑ์ ธรรมเนียมปฏิบัติ ที่กำหนดบทบาท หน้าที่ และความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและบุคคลต่าง ๆ รวมถึงกลไกการชำระเงินที่เกี่ยวข้อง
(3) สื่อการชำระเงินประเภทต่าง ๆ เช่น เงินสด ตราสารการเงิน บัตรพลาสติก การโอนเงินทางบัญชี ตลอดจนถึงการชำระเงินด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์                  

  เทคโนโลยีสารสนเทศกับแนวโน้มของโลกในอนาคต    
                   ปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทอย่างกว้างขวางในทุกวงการ และเทคโนโลยี สารสนเทศกลายเป็นเครื่องมือสำคัญของการทำงานทุกด้าน นับตั้งแต่ทางด้านการศึกษา พาณิชยกรรม เกษตรกรรม อุตสาหกรรม สาธารณสุข การวิจัยและพัฒนา
ตลอดจนด้านการเมืองและราชการ อันที่จริงแล้วจะเห็นว่าไม่มีงานด้านใดที่ไม่มีผู้คิดประยุกต์หรือนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้าไปช่วยให้การทำงานนั้น ๆ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น
                
                  เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology: IT) ประกอบด้วยเทคโนโลยีระบบคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมที่ผนวกเข้าด้วยกัน เพื่อใช้ในกระบวนการจัดหา จัดเก็บ สร้าง และเผยแพร่สารสนเทศในรูปต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียง ภาพ ภาพเคลื่อนไหว ข้อความหรือตัวอักษร และตัวเลข เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความถูกต้อง ความแม่นยำ และความรวดเร็วให้ทันต่อการนำไปใช้ประโยชน์ เทคโนโลยีสารสนเทศมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านต่าง ๆ ของผู้คนและแนวโน้มโลกในอนาคต เช่น ทำให้สังคมเปลี่ยนจากสังคมอุตสาหกรรม มาเป็นสังคมสารสนเทศ ทำให้ระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนจากระบบแห่งชาติไปเป็นเศรษฐกิจโลก ที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจของโลกผูกพันกับทุกประเทศ
                   
                 ความเชื่อมโยงของเครือข่ายสารสนเทศทำให้เกิดสังคมโลกาภิวัฒน์ ทำให้องค์กรมีลักษณะผูกพัน มีการบังคับบัญชาแบบแนวราบมากขึ้น หน่วยธุรกิจมีขนาดเล็กลง และเชื่อมโยงกันกับหน่วยธุรกิจอื่นเป็นเครือข่าย การดำเนินธุรกิจมีการแข่งขันกันในด้านความเร็ว โดยอาศัยการใช้ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นตัวสนับสนุน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว เป็นเทคโนโลยีแบบสุนทรียสัมผัส และสามารถตอบสนองตามความต้องการการใช้เทคโนโลยีในรูปแบบใหม่ที่เลือกได้เอง ทำให้เกิดสภาพทางการทำงานแบบทุกสถานที่และทุกเวลา ก่อให้เกิดการวางแผนการดำเนินการระยะยาวขึ้น อีกทั้งยังทำให้วิถีการตัดสินใจ หรือเลือกทางเลือกได้ละเอียดขึ้น
                 ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์มีเพิ่มมากขึ้นทุกวันๆ จนทำให้คนเรามีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำรงชีวิตของเราเป็นอย่างมาก เทคโนโลยีในปัจจุบันได้เข้ามาเป็นปัจจัยพื้นฐานข้อนึงในการดำรงชีวิตของเราเป็นอย่างดี เทคโนโลยีทำให้มีการติดต่อสื่อสารกัน มีการผลิตสินค้าและให้การบริการต่างๆเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น

                  เพราะฉะนั้น เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทที่สำคัญในทุกวงการ มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโลกในอนาคตด้านความเป็นอยู่ สังคม เศรษฐกิจ การศึกษา การแพทย์ เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การเมือง ตลอดจนการวิจัยและการพัฒนาต่าง ๆ

ข่าว

เปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว Samsung Galaxy S4 (S IV)

Prev
1 of 9
Next
updated: 03 พ.ค. 2556 เวลา 20:15:44 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์




วันที่ 3 พฤษภาคม สิ้นสุดการรอคอยเสียทีกับ กับ Samsung Galaxy S4 (S IV) ที่เปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันนี้เป็นวันแรกในไทย โดยทั้ง 3 เครือข่ายดัง ไม่ว่าจะเป็น Truemove H, Dtac และ AIS ได้จัดงานเปิดตัว Samsung Galaxy S4 (S IV) ในวันนี้ พร้อมกับเผย โปรโมชั่นและแพ็กเกจ Samsung Galaxy S4 (S IV) ออกมาด้วยเช่นกัน รายละเอียดเป็นดังนี้

โปรโมชั่น Samsung Galaxy S4 (S IV) จาก AIS

• โทรฟรีทุกเครือข่าย 500 นาที เพียง 499 บาทต่อเดือน
• ฟรี ภาพยนตร์ HD 30 เรื่อง จาก AIS Movie Store
• ฟรี e-books กว่า 30 ฉบับ จาก AIS Bookstore นาน 3 เดือน
• รับสิทธิ์ผ่อน 0% 10 เดือน พร้อมรับส่วนลดสูงสุดถึง 7,200 บาทกับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
• ราคา Samsung Galaxy S4 S (IV) จาก AIS อยู่ที่ 21,900 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว และ สีดำ



โปรโมชั่น Samsung Galaxy S4 (S IV) จาก Dtac

• รับสิทธิ์สมัครแพ็กเกจสมาร์ทโฟน เพียง 539 บาทจากราคาปกติ 999 บาท
• รับส่วนลดรายเดือนสูงสุด 8,280 บาท
• ใช้งานอินเทอร์เน็ตบน 3G/Edge ได้ไม่จำกัดด้วยความเร็ว 3G สูงสุด 2GB
• โทรฟรีทุกเครือข่าย 550 นาที พิเศษพร้อมแพ็กเกจ dtac Deezer ให้ฟังเพลงได้ไม่จำกัด 20 ล้านเพลงทั่วโลก ใช้งานได้นาน 18 เดือน
• ผ่อน 0% นาน 10 เดือน และรับเครดิตเงินคืน 3% เมื่อชำระผ่านบัตรเครดิตธนาคารไทยพาณิชย์ รวมทั้งรับสิทธิ์รับประกันเครื่องสมาร์ทโฟนจากดีแทคนานขึ้นถึง 15 เดือน
• ราคา Samsung Galaxy S4 S (IV) จาก Dtac อยู่ที่ 21,900 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว และ สีดำ







โปรโมชั่น Samsung Galaxy S4 (S IV) จาก Truemove H


• ลูกค้าทรูมูฟ เอช เพียงลงทะเบียนสั่งจอง พร้อมมารับเครื่องในวันเปิดตัว ณ ทรูมูฟ สแควร์ สยามสแควร์ซอย 2 พิเศษสำหรับผู้โชคดี 100 ท่านแรก ที่ซื้อเครื่องพร้อมเปิดเบอร์ใหม่หรือย้ายค่ายเบอร์เดิมที่มาร่วมกิจกรรมในวันงาน รับส่วนลดค่าบริการรายเดือน 50% นาน 10 เดือน บนแพ็กเกจ iSmart 899
• ลุ้นรับแพ็กเกจทัวร์ ชมคอนเสิร์ต Rihanna Diamonds World Tour 2013 จำนวน 1 รางวัล ทั้งยังจะได้สิทธิ์ร่วมปาร์ตี้แบบส่วนตัวใน VIP Lounge พร้อมของที่ระลึกแบบ Limited Edition ที่กรุงสต๊อกโฮลม์ ประเทศสวีเดน
• ส่วนลด 50% ค่าบริการรายเดือนนาน 5 เดือนบนแพ็กเกจ iSmart 899 พร้อมให้สิทธิ์ผ่อน 0% นาน 10 เดือน
• ลูกค้าทรู การ์ด และลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม พร้อมรับส่วนลดค่าเครื่องเพิ่มอีก 1,000 บาท สำหรับลูกค้าปัจุบันรับส่วนลดค่าบริการ 200 บาท นาน 5 เดือนบนแพ็กเกจ iSmart 899
• สำหรับลูกค้าที่ซื้อเครื่อง Samsung Galaxy S4 จากทรูมูฟ เอช ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม ถึงวันที่ 16 มิถุนายน 2556 รับสิทธิ์ร่วมกิจกรรมระดับโลก ลุ้นเดินทางไปกับ H-Music เปิดประสบการณ์ดนตรีที่เหนือกว่าชมคอนเสิร์ต Rihanna ถึงประเทศสวีเดน กับ 5 ผู้โชคดี รวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท
• ราคา Samsung Galaxy S4 S (IV) จาก Truemove H อยู่ที่ 21,900 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว และ สีดำ





รีวิว Samsung Galaxy S4 (S IV)


สำหรับสมาร์ทโฟนจาก ซัมซุงในบ้านเรานั้น ก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก และทุกๆ ครั้งที่มีสมาร์ทโฟนระดับเรือธงออกมา ก็จะมีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว ซึ่งครั้งนี้ ก็ถึงคิวสมาร์ทโฟนเรือธงในตระกูล Galaxy ที่เรียกได้ว่าทุกครั้งที่มีการออกรุ่นใหม่ ก็จะมาพร้อมกับ นวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ อยู่ทุกครั้งเช่นเดียวกัน และในวันนี้ ทีมงานเว็บไซต์ Techmoblog ก็ได้นำเอาสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงตัวล่าสุดอย่าง Samsung Galaxy S4 (S IV) มารีวิวให้ทุกท่านได้ชมกัน และ รุ่นดังกล่าวนั้นจะมีสเปคแรงแค่ไหน และจะมีฟีเจอร์อะไรเด่นๆ บ้าง ลองมาชมกันเลย



สเปคเบื้องต้นของ Samsung Galaxy S4 (S IV)


- ขนาดของตัวเครื่อง 136.6 x 69.8 x 7.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนักตัวเครื่อง 130 กรัม
- หน้าจอขนาด 5 นิ้ว (4.99) แบบ Full HD Super AMOLED (441ppi)
- ชิปประมวลผล Exynos Octa 5
- หน่วยประมวลผล Octa Core มีหน่วยประมวลผลสองตัวคือ Quad-Core 1.6 GHz และ Quad-Core 1.2 GHz Cortex-A7
- หน่วยประมวลผลกราฟฟิค PowerVR SGX 544MP3
- หน่วยความจำ (RAM) 2 GB
- กล้องดิจิตอลด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
- กล้องดิจิตอลด้านหน้า ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ขนาด 2,600 mAh
- รองรับ microSD Card ความจุสูงสุด 64 GB
- รองรับการเชื่อมต่อ WiFi, Bluetooth 4.0, GPS, GLONASS, NFC, IR LED, MHL 2.0